ใครบ้างที่ต้องจ่ายภาษีบ้าน

ใครบ้างที่ต้องจ่ายภาษีบ้าน

ใครบ้างที่ต้องจ่ายภาษีบ้าน?

หนึ่งในภาษีที่ประชาชนทั่วไปเกี่ยวข้องโดยตรงคือ “ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง” ซึ่งหลายคนเรียกติดปากว่า “ภาษีบ้าน” เพราะครอบคลุมถึงบ้านพักอาศัย อาคาร คอนโด และสิ่งปลูกสร้างอื่น ๆ

บทความนี้จะอธิบายอย่างละเอียด เพื่อให้เจ้าของบ้านหรือผู้ครอบครองที่ดินเข้าใจสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมาย และสามารถวางแผนการเงินได้ถูกต้อง

ภาษีบ้านคืออะไร?

“ภาษีบ้าน” คือ ภาษีที่เรียกเก็บตาม พระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2562 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ

  • ปฏิรูปการจัดเก็บภาษีท้องถิ่น
  • เพิ่มรายได้ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อบต./เทศบาล/เขต)
  • ส่งเสริมให้มีการใช้ประโยชน์ในที่ดินและสิ่งปลูกสร้างอย่างมีประสิทธิภาพ

ใครบ้างที่ต้องจ่ายภาษีบ้าน?

1. เจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง

  • ผู้ที่มีชื่อในโฉนดที่ดิน หรือเอกสารสิทธิ์อื่น ๆ
  • ผู้ที่มีชื่อเป็นเจ้าของบ้าน อาคาร หรือสิ่งปลูกสร้าง

2. ผู้ครอบครองที่ดินของรัฐ

  • แม้จะไม่ใช่เจ้าของโดยตรง แต่หากครอบครองหรือใช้ประโยชน์ในที่ดินของรัฐ ก็ต้องเสียภาษี

3. ผู้เช่าที่ดินหรืออาคารของรัฐ

  • หากเช่าที่ดินหรืออาคารจากรัฐเพื่อใช้ประโยชน์ทางธุรกิจ จะต้องเป็นผู้เสียภาษี

4. ผู้ได้รับสิทธิครอบครองตามสัญญา

  • เช่น กรณีเช่าซื้อ (Hire Purchase) หรือกรณีได้รับสิทธิ์ครอบครองตามกฎหมาย แม้ยังไม่ได้โอนกรรมสิทธิ์

ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของโดยตรงหรือผู้มีสิทธิ์ใช้ประโยชน์ หากถือครองหรือใช้บ้าน/ที่ดิน ก็มีหน้าที่ต้องจ่ายภาษีบ้าน

ประเภทของการใช้ประโยชน์ (ฐานภาษี)

1. ที่อยู่อาศัย

  • บ้านเดี่ยว
  • ทาวน์เฮาส์
  • คอนโดมิเนียม
  • อพาร์ตเมนต์

2. เพื่อการเกษตร

  • ที่ดินทำการเกษตร เช่น ทำนา ทำสวน ทำไร่

3. เพื่อการพาณิชย์/อื่น ๆ

  • อาคารสำนักงาน
  • โรงงาน
  • โรงแรม
  • ที่ดินว่างเปล่าที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์

อัตราภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง

1. เพื่อการเกษตร

  • มูลค่าไม่เกิน 50 ล้านบาท → ได้รับการยกเว้นภาษี
  • มูลค่าเกิน 50 ล้านบาท → อัตราเสียภาษี 0.01%–0.1%

2. เพื่อที่อยู่อาศัย

  • บ้านมูลค่าไม่เกิน 50 ล้านบาท (ที่เป็นที่อยู่อาศัยหลัก) → ได้รับการยกเว้นภาษี
  • ส่วนที่เกิน 50 ล้านบาท → อัตรา 0.02%–0.1%
  • บ้านหลังที่ 2 → เสียภาษีตั้งแต่ 0.02% ขึ้นไป

เพื่อการพาณิชย์/อื่น ๆ

  • คิดตั้งแต่ 0.3%–0.7% ของมูลค่า

ที่ดินว่างเปล่า

  • อัตราเริ่มที่ 0.3% และจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ หากปล่อยทิ้งไว้นาน

ข้อยกเว้นที่ไม่ต้องเสียภาษีบ้าน

  1. บ้านมูลค่าไม่เกิน 50 ล้านบาท ที่ใช้เป็นที่อยู่อาศัยหลัก
  2. ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างของรัฐ
  3. วัด มัสยิด โบสถ์ หรือสถานที่ศาสนา
  4. สถานที่สาธารณะ เช่น โรงเรียนของรัฐ โรงพยาบาลของรัฐ
  5. ที่ดินเกษตรกรรมที่มูลค่าไม่เกิน 50 ล้านบาท

ยกตัวอย่างเช่น 

  • หากมีบ้านเดี่ยวราคา 10 ล้านบาท ใช้เป็นที่อยู่อาศัยหลัก → ได้รับการยกเว้นภาษี
  • หากมีคอนโด 2 ห้อง ห้องหนึ่งอยู่เอง อีกห้องปล่อยเช่า → ห้องที่ปล่อยเช่าต้องเสียภาษี
  • บริษัท ABC: มีที่ดินเปล่าใจกลางเมือง มูลค่า 100 ล้านบาท แต่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ → เสียภาษีในอัตราสูง และเพิ่มขึ้นหากปล่อยว่างหลายปี
  • หากมีสวนยางพารา 30 ล้านบาท → ได้รับการยกเว้นภาษีเกษตร

ใครเป็นผู้จัดเก็บภาษีบ้าน?

  • องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อบต./เทศบาล/เขต)
  • จะส่ง “หนังสือแจ้งประเมินภาษี” ให้เจ้าของทรัพย์สินทุกปี
  • ผู้เสียภาษีต้องชำระภายในกำหนดเวลา (ปกติภายในเดือนเมษายนของทุกปี)

โทษหากไม่จ่ายภาษีบ้าน

1. เงินเพิ่ม (ดอกเบี้ยปรับ)

  • 0.3% ต่อเดือนของภาษีที่ค้าง

2. เบี้ยปรับ

  • อาจเพิ่มสูงสุด 40% ของจำนวนเงินภาษี

3. มาตรการบังคับคดี

  • หน่วยงานรัฐมีสิทธิยึดทรัพย์หรือบังคับขายทอดตลาด

แนวทางปฏิบัติสำหรับผู้เสียภาษี

1. ตรวจสอบทรัพย์สินของตนเอง

  • บ้าน คอนโด ที่ดิน อยู่ในเกณฑ์ต้องเสียภาษีหรือไม่

2. เตรียมงบประมาณล่วงหน้า

  • โดยเฉพาะผู้มีบ้านหลายหลัง หรือมีที่ดินว่างเปล่ามูลค่าสูง

3. ใช้สิทธิยกเว้นอย่างถูกต้อง

  • บ้านหลักไม่เกิน 50 ล้านบาทสามารถยกเว้นภาษีได้

4. ปรึกษาสำนักงานเขต/เทศบาล

  • หากไม่แน่ใจเกี่ยวกับการประเมินภาษี

สรุป

ใครต้องจ่ายภาษีบ้าน? คำตอบคือ เจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างทุกคน รวมถึงผู้ครอบครองหรือผู้มีสิทธิใช้ประโยชน์ในที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างนั้น ๆ โดยจะมีข้อยกเว้นสำหรับบ้านหลักมูลค่าไม่เกิน 50 ล้านบาท และเกษตรกรรมไม่เกิน 50 ล้านบาท

ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะเป็นเจ้าของบ้าน คอนโด หรือบริษัทที่ถือครองที่ดิน คุณล้วนมีหน้าที่ตรวจสอบและชำระภาษีบ้านให้ถูกต้อง เพื่อหลีกเลี่ยงค่าปรับและความเสี่ยงทางกฎหมาย อีกทั้งยังช่วยให้ท้องถิ่นมีรายได้ไปพัฒนาสาธารณูปโภคในชุมชนของคุณเอง