

นอกเหนือจากภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ที่คนทำธุรกิจคุ้นเคยกันดีแล้ว ยังมีภาษีอีกประเภทหนึ่งที่ผู้ประกอบการบางกลุ่มต้องรู้จัก นั่นคือ “ภาษีธุรกิจเฉพาะ (Specific Business Tax – SBT)” ซึ่งเป็นภาษีที่จัดเก็บจากกิจการบางประเภทที่มีลักษณะเฉพาะตามที่กฎหมายกำหนด
หลายคนอาจยังไม่แน่ใจว่าธุรกิจของตนเองเข้าข่ายต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะหรือไม่ บทความนี้จะสรุปให้เข้าใจง่ายๆ ว่าใครบ้างที่ต้องเสียภาษีประเภทนี้ และมีหน้าที่ต้องทำอะไรบ้าง
ผู้ประกอบกิจการที่เข้าข่ายต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ ไม่ได้จำกัดอยู่แค่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนฯ เท่านั้น แต่ครอบคลุมถึงผู้ประกอบการทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น:
นอกจากนี้ หากผู้ประกอบกิจการอยู่ต่างประเทศ แต่มีตัวแทนหรือผู้ทำการแทนในประเทศไทย ก็ต้องรับผิดชอบเสียภาษีธุรกิจเฉพาะร่วมกัน
ตามประมวลรัษฎากร ธุรกิจที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ (หากไม่ได้รับยกเว้น) ได้แก่:
เมื่อธุรกิจของคุณเข้าข่ายเป็นกิจการที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะแล้ว คุณมีหน้าที่สำคัญที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ดังนี้:
1. การจดทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะ (ยื่นแบบ ภ.ธ.01) ผู้ประกอบการต้องยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีธุรกิจเฉพาะด้วยแบบ ภ.ธ.01 ต่อกรมสรรพากร ภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่เริ่มประกอบกิจการ
2. การแจ้งเปลี่ยนแปลงทะเบียน หากมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลสำคัญของกิจการ จะต้องแจ้งต่อกรมสรรพากรภายใน 15 วัน นับจากวันที่มีการเปลี่ยนแปลงนั้นๆ เช่น:
3. การยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษี (ยื่นแบบ ภ.ธ.40) ผู้ประกอบการต้องยื่นแบบ ภ.ธ.40 เพื่อแสดงรายรับและชำระภาษีเป็นรายเดือน ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป แม้ว่าจะไม่มีรายรับเกิดขึ้นในเดือนนั้นๆ ก็ตาม
ภาษีธุรกิจเฉพาะเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้ประกอบการในกลุ่มธุรกิจการเงิน, การประกัน, การรับจำนำ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้า ต้องศึกษาและปฏิบัติให้ถูกต้อง การจดทะเบียนและยื่นภาษีตรงเวลาจะช่วยให้ธุรกิจของคุณดำเนินไปได้อย่างราบรื่นและปลอดจากปัญหาเบี้ยปรับเงินเพิ่มในอนาคต