บัญชีจะไม่น่ากลัว ถ้าคุณทำ 5 สิ่งนี้ก่อนปิดงบสิ้นปี

บัญชีที่ไม่น่ากลัว ถ้าคุณทำ 5 สิ่งนี้ก่อนปิดงบสิ้นปี

บัญชีจะไม่น่ากลัว ถ้าคุณทำ 5 สิ่งนี้ก่อนปิดงบสิ้นปี

เมื่อถึงปลายปีมักเป็นช่วงของคนทำธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นยอดขายที่ต้องรีบปิด, เอกสารที่ต้องรวบรวม, ภาษีที่ต้องคำนวณ และที่น่ากลัวที่สุดคือบัญชีที่ยังไม่เรียบร้อย

แต่ความจริงแล้วการทำบัญชีไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ถ้าคุณเริ่มเตรียมตัวตั้งแต่วันนี้ บทความนี้จะพาคุณไปดู 5 สิ่งที่ควรทำก่อนปิดงบสิ้นปี เพื่อให้ธุรกิจของคุณพร้อม ยื่นงบได้อย่างมั่นใจ และไม่ต้องกลัวสรรพากรอีกต่อไป

ทำไมบัญชีสิ้นปีถึงสำคัญ 

การปิดงบสิ้นปีไม่ใช่แค่เรื่องของตัวเลขแต่คือ “กระจกสะท้อนสุขภาพทางการเงินของธุรกิจ” เพราะงบการเงินสิ้นปีจะใช้สำหรับ

  • ยื่นภาษีประจำปี (ภ.ง.ด.50 / ภ.ง.ด.90)
  • ต่อเครดิตธนาคาร / ขอสินเชื่อ
  • ยื่นงานราชการ / BOI / คู่ค้าต่างประเทศ
  • ใช้วิเคราะห์การเติบโตของธุรกิจในปีต่อไป

ดังนั้น ถ้าบัญชีไม่พร้อม หรือเอกสารไม่ครบ ไม่เพียงแค่เสียเวลา แต่ยังอาจ “เสียโอกาสทางธุรกิจ” อีกด้วย

1. ตรวจสอบรายได้–รายจ่าย ให้ตรงก่อนปิดปี

ถ้ารายได้กับรายจ่ายไม่ตรงความจริง บัญชีมีโอกาสผิดพลาดเพราะ “รายได้หาย ค่าใช้จ่ายเกิน หรือเอกสารไม่ครบ” ดังนั้นขั้นตอนแรกคือการ เคลียร์รายการทั้งหมดให้ครบถ้วน

ตรวจสอบรายได้

  • ตรวจยอดขายทั้งหมดของปีจากระบบ POS / E-commerce / ใบกำกับภาษีขาย
  • ตรวจยอดในบัญชีธนาคารให้ตรงกับรายได้ที่บันทึก
  • ตรวจว่ามีรายได้ใดบ้างที่ “ยังไม่ออกบิล” หรือ “เก็บเงินได้แต่ยังไม่ลงบัญชี”

ตรวจสอบรายจ่าย

  • รวบรวมใบเสร็จและใบกำกับภาษีทุกใบ: ค่าวัตถุดิบ, ค่าโฆษณา, ค่าขนส่ง, ค่าไฟ, ค่าน้ำ, ค่าเช่า, เงินเดือน ฯลฯ
  • ตรวจว่าใบกำกับทุกใบ “มีชื่อบริษัทและเลขประจำตัวผู้เสียภาษี” ของคุณหรือไม่
  • ตรวจเอกสารที่ยังค้าง เช่น บิลค้างจ่าย, ค่าใช้จ่ายรอใบเสร็จ, หรือค่าบริการที่เกิดขึ้นแต่ยังไม่ชำระ

หากคุณพลาดเอกสารเพียงไม่กี่ใบอาจ

  • หักภาษีซื้อไม่ได้
  • ทำให้กำไรสูงกว่าความจริง
  • เสียภาษีเกินจำเป็น

2. เคลียร์บัญชีลูกหนี้–เจ้าหนี้ ให้ครบก่อนปิดงบ

บัญชีลูกหนี้–เจ้าหนี้คืออีกจุดที่สรรพากรมักตรวจสอบและเป็นจุดที่เจ้าของกิจการหลายคนกังวล เพราะมักไม่ตรงกันระหว่างเอกสารทางบัญชี

🔹 ฝั่งลูกหนี้ (เงินที่ลูกค้ายังไม่จ่าย)

  • ตรวจยอดลูกหนี้แต่ละราย ว่ามีการเก็บครบหรือยัง
  • ถ้าลูกหนี้บางรายเก็บไม่ได้แน่นอน เช่น ปิดกิจการ / เบี้ยวหนี้ : ควรตั้งหนี้สูญ ตามหลักเกณฑ์บัญชี
  • ตรวจเอกสารประกอบ เช่น ใบกำกับภาษี, ใบส่งของ, ใบเสร็จรับเงิน

ฝั่งเจ้าหนี้ (เงินที่เรายังไม่จ่าย)

  • ตรวจว่ามีเจ้าหนี้รายใดค้างชำระอยู่หรือไม่
  • ถ้ามีการชำระแล้วแต่ยังไม่ลงบัญชี ให้รีบอัปเดต
  • ตรวจใบวางบิล / ใบกำกับภาษีจากผู้ขายทุกใบว่าครบ

 3. ตรวจสินค้าคงเหลือและทรัพย์สิน

หนึ่งในรายการที่สรรพากรตรวจบ่อยคือ “สินค้าคงเหลือปลายปี” เพราะมีผลโดยตรงต่อกำไรสุทธิและภาษีที่ต้องจ่าย

ขั้นตอนตรวจนับ

  1. ตรวจสินค้าคงเหลือจริงในคลัง
  2. เปรียบเทียบกับยอดในระบบบัญชีหรือโปรแกรมขาย
  3. ถ้ามีส่วนต่าง ให้ตรวจสอบว่าเกิดจากสาเหตุใด (เช่น สินค้าชำรุด, สูญหาย, คืนจากลูกค้า ฯลฯ)
  4. ทำบันทึกการตรวจนับ และ รายงานผลต่างสินค้า เก็บไว้

ตรวจทรัพย์สิน (Fixed Asset)

  • ตรวจรายการครุภัณฑ์ / เครื่องจักร / คอมพิวเตอร์ / อุปกรณ์สำนักงาน
  • ตรวจว่ามีทรัพย์สินใดเลิกใช้แล้ว ควรตัดจำหน่ายออกจากระบบ
  • ตรวจการคำนวณค่าเสื่อมราคา (Depreciation) ให้ถูกต้อง

4. ทบทวนรายการภาษีทั้งปีให้ครบ

หลายกิจการยื่นภาษีรายเดือนครบ แต่ไม่รู้ว่าภาษีทั้งปีเป็นอย่างไร ก่อนปิดงบควรตรวจให้ครบทุกประเภท เพื่อป้องกัน “ภาษีตกหล่น” หรือ “ยื่นซ้ำซ้อน”

ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)

  • ตรวจว่าทุกเดือนยื่น ภ.พ.30 แล้วหรือยัง
  • ตรวจยอดภาษีซื้อ–ภาษีขายให้ตรงกับรายได้ในงบ
  • ตรวจใบกำกับภาษีซื้อว่าใช้ได้ครบ (ไม่หมดอายุ ไม่ขาดชื่อ–เลขผู้เสียภาษี)

ภาษีหัก ณ ที่จ่าย

  • ตรวจแบบ ภ.ง.ด.3 / 53 ทุกเดือนว่ามีการยื่นครบหรือไม่
  • ตรวจยอดหัก ณ ที่จ่ายที่เราถูกหักจากลูกค้า (เช่น 3% หรือ 5%) ว่าได้รับหนังสือรับรองครบทุกใบหรือยัง
  • ตรวจว่ามีรายการใด “หักแต่ไม่ส่ง” หรือ “ส่งแต่ไม่หัก”

ภาษีเงินได้ประจำปี

  • ถ้าคุณเป็นนิติบุคคล ตรวจแบบ ภ.ง.ด.51 (ครึ่งปี) ว่าคำนวณถูกต้อง
  • ถ้าเป็นบุคคลธรรมดา ตรวจการยื่น ภ.ง.ด.94 (ครึ่งปี) ว่ารวมรายได้ครบ

5. เตรียมเอกสารและระบบบัญชี ให้พร้อมส่งผู้สอบบัญชี

การทำบัญชีสิ้นปีจะราบรื่นหรือไม่อยู่ที่ “เอกสารครบหรือเปล่า” เพราะต่อให้ตัวเลขในระบบถูก แต่ไม่มีหลักฐาน ก็ไม่สามารถยืนยันทางบัญชีหรือภาษีได้

เอกสารที่ต้องเตรียม

  1. ใบกำกับภาษีซื้อ–ขายทั้งหมดของปี
  2. ใบเสร็จรับเงิน, ใบวางบิล, ใบแจ้งหนี้
  3. Statement ธนาคารทุกบัญชี
  4. เอกสารลูกหนี้–เจ้าหนี้
  5. รายงานสินค้าคงเหลือ
  6. ทะเบียนทรัพย์สิน (พร้อมค่าเสื่อม)
  7. เอกสารภาษีที่ยื่นทั้งปี (ภ.พ.30, ภ.ง.ด.3/53, ภ.พ.36 ฯลฯ)

ระบบบัญชีที่ดีควรมี

  • รายงานกำไร–ขาดทุน (P&L)
  • งบดุล (Balance Sheet)
  • กระทบยอดบัญชีธนาคาร (Bank Reconciliation)
  • รายงานลูกหนี้–เจ้าหนี้
  • รายงานสินค้าคงเหลือ

💡 ถ้าใช้ระบบบัญชีออนไลน์ คุณสามารถส่งไฟล์ให้ผู้สอบบัญชีได้ทันที ลดเวลาและลดความผิดพลาดจากการป้อนข้อมูลซ้ำ

ข้อผิดพลาดทางบัญชี

  1. ไม่ทำบัญชีระหว่างปี : พอสิ้นปีต้องย้อนบันทึก 12 เดือนรวด ข้อมูลอาจผิดหรือตกหล่น
  2. ใช้บัญชีเดียวกับส่วนตัว : รายได้ส่วนตัว–รายได้ธุรกิจปนกัน ตรวจสอบยาก และเสียภาษีเกินจริง
  3. จ้างสำนักงานบัญชีแต่ส่งเอกสารไม่ครบ : ถ้าเอกสารไม่ครบ บัญชีก็ไม่มีวันถูกต้อง

ขั้นตอนการตรวจสอบบัญชี

ขั้นตอนเป้าหมายผลลัพธ์
1. ตรวจรายได้–รายจ่ายความถูกต้องของข้อมูลงบไม่ผิดตัวเลข
2. เคลียร์ลูกหนี้–เจ้าหนี้ตัดยอดค้างภาษีถูกลง
3. ตรวจสินค้าคงเหลือ–ทรัพย์สินสะท้อนสต็อกจริงปิดงบโปร่งใส
4. ทบทวนภาษีทั้งหมดป้องกันตกหล่นไม่โดนเบี้ยปรับ
5. เตรียมเอกสาร–ระบบบัญชีพร้อมให้ตรวจสอบผู้สอบบัญชีทำงานง่าย ปิดงบไว

สรุป

อย่ามองบัญชีว่าเป็นเรื่องของ “ตัวเลขและเอกสาร”แต่มองว่าเป็น “สะท้อนข้อมูลทางการเงิน” ที่จะช่วยให้มองภาพธุรกิจได้อย่างแท้จริง