โบนัสค้างจ่าย มีผลต่อภาษียังไง?
ทุกสิ้นปี หลายบริษัทมักเตรียมจ่ายโบนัสให้พนักงาน เพื่อเป็นรางวัลตอบแทนผลงาน และเป็นแรงจูงใจให้อยู่กับองค์กรต่อไป แต่ในทางบัญชีและภาษี โบนัสไม่ได้เป็นแค่ตัวเลขเงินเดือนพิเศษเท่านั้น เพราะมีผลต่อ กำไรทางบัญชี ภาษีเงินได้นิติบุคคล และ ภาษีหัก ณ ที่จ่าย
ในทางบัญชีบางครั้ง “โบนัส” ที่ประกาศจ่ายไปแล้ว อาจยังไม่ถูกจ่ายจริงภายในสิ้นปีจึงกลายเป็น “โบนัสค้างจ่าย” (Accrued Bonus)
หนึ่งในคำถามยอดฮิตของผู้ประกอบการคือ 👇 “โบนัสค้างจ่าย ที่ยังไม่จ่ายจริง สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ไหม?
ความหมายของโบนัสค้างจ่าย
โบนัสค้างจ่าย หมายถึง โบนัสที่บริษัทคำนวณและบันทึกเป็นค่าใช้จ่ายแล้วในรอบบัญชี แต่ยังไม่ได้จ่ายเงินจริงให้พนักงานภายในวันสิ้นงวดบัญชี
บริษัทมักจะบันทึกเมื่อ:
- มีการประกาศจ่ายโบนัสประจำปีแล้ว (มีภาระผูกพันชัดเจน)
- สามารถระบุจำนวนเงินที่ต้องจ่ายได้อย่างสมเหตุสมผล
ทางบัญชี : ตามหลักบัญชีคงค้างบริษัทต้องบันทึกค่าใช้จ่ายเมื่อ “ภาระหนี้ได้ถูกกำหนดให้เกิดขึ้นในรอบบัญชีปัจจุบัน” ไม่ใช่เมื่อ “จ่ายจริง”
ดังนั้น หากมีการประกาศจ่ายโบนัสให้พนักงาน บริษัทสามารถตั้งเป็นโบนัสค้างจ่ายได้ แม้ยังไม่จ่ายจริงในปีนั้น
เงื่อนไขสำคัญที่ต้องมีเพื่อบันทึกเป็นหนี้สินได้ตามมาตรฐานการบัญชี
- บริษัทมีภาระผูกพันชัดเจนทางกฎหมายหรือข้อปฏิบัติ (เช่น มีประกาศหรือสัญญา)
- สามารถกำหนดจำนวนเงินที่ต้องจ่ายไว้อย่างชัดเจน
- มีกำหนดเวลาจ่ายที่ชัดเจน
ทางภาษี : กรมสรรพากรอาจมองว่าโบนัส เป็นรายจ่ายต้องห้ามได้ถ้าไม่ได้จ่ายจริง จะไม่สามารถนำมาหักเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อคำนวณภาษีได้
- หากตั้งโบนัสค้างจ่ายไว้ในปี 2568 แต่จ่ายจริงภายใน 3 เดือนหลังสิ้นปี (เช่น ก่อน 31 มีนาคม 2569) : ถือเป็นค่าใช้จ่ายได้ในปี 2568
- แต่ถ้ายังไม่มีการจ่ายนานผิดปกติจนถูกสรรพากรตรวจสอบและหากไม่สามารถอธิบายได้อย่างมีเหตุผล เจ้าหน้าที่ประเมินอาจให้รายการโบนัสค้างจ่ายนี้ ต้องนำกลับมาบวกคืนในการคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคลของรอบปี 2568
เอกสารและหลักฐานที่ควรมี เพื่อให้โบนัสค้างจ่ายหักภาษีได้
กรมสรรพากรมักตรวจสอบความมีอยู่จริงของโบนัสค้างจ่าย ดังนั้น บริษัทควรมีเอกสารยืนยัน เช่น
- มติกรรมการ หรือบันทึกการประชุมผู้บริหารที่ระบุชัดเจนว่าจะจ่ายโบนัสให้พนักงานจำนวนเท่าใด
- บัญชีรายชื่อพนักงาน ที่ได้รับโบนัส และจำนวนเงินต่อคน
- หลักฐานการคำนวณ วิธีคิดโบนัส เช่น สูตรตามผลงานหรืออายุงาน
- หลักฐานการจ่ายจริง เช่น สลิปเงินเดือน ใบเสร็จโอนเงิน หรือรายงานธนาคาร
หากเอกสารครบ สรรพากรจะยอมรับว่ามีภาระผูกพันจริงและสามารถตั้งค้างจ่ายได้อย่างถูกต้อง
ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยเกี่ยวกับโบนัสค้างจ่าย
| ข้อผิดพลาด | ผลทางภาษี |
| ตั้งโบนัสค้างจ่ายโดยไม่มีมติอนุมัติ | สรรพากรไม่ยอมรับ หักค่าใช้จ่ายไม่ได้ |
| ตั้งค้างจ่ายแต่ไม้ได้จ่ายจริง | เสี่ยงถูกประเมินภาษีย้อนหลัง |
| จ่ายโบนัสโดยไม่หักภาษี ณ ที่จ่าย | โดนปรับเงินเพิ่ม 1.5% ต่อเดือน |
| ไม่มีรายชื่อผู้ได้รับโบนัสชัดเจน | เสี่ยงถูกถือเป็นค่าใช้จ่ายไม่มีหลักฐาน |
| บันทึกค่าใช้จ่ายซ้ำ | ค่าใช้จ่ายซ้ำซ้อน ทำให้กำไรต่ำกว่าความเป็นจริง |
เคล็ดลับวางแผนภาษี
- ทำมติอนุมัติให้ชัดเจนภายในปีนั้น → ยืนยันว่ามีภาระผูกพันจริง
- เตรียมเอกสารครบก่อนยื่นแบบภาษี → เพื่อให้ตรวจสอบได้ง่าย หากถูกเรียกตรวจ
- ใช้ระบบ Payroll ที่บันทึกและหักภาษีอัตโนมัติ → ลดความเสี่ยงผิดพลาดในการคำนวณ
- แยกโบนัสพนักงานประจำ กับโบนัสผู้บริหาร → เพราะสรรพากรอาจมองโบนัสผู้บริหารเป็น “ค่าตอบแทนพิเศษ” ต้องมีหลักฐานชัดเจนว่าจ่ายจริง
สรุป
“โบนัสค้างจ่าย” ไม่ใช่เรื่องผิดปกติในทางบัญชี แต่ต้องดำเนินการให้ถูกต้องและมีการจ่ายจริง
ดังนั้น การจัดการโบนัสค้างจ่ายที่ดี ต้องมีครบ 3 อย่างนี้
- มีมติอนุมัติชัดเจน ภายในปีบัญชี
- มีการจ่ายจริง
- เก็บหลักฐานให้ครบ ทั้งรายชื่อผู้ได้รับเงินและภ.ง.ด.1
“โบนัสค้างจ่าย” ตั้งได้ หักได้ — แต่ต้องจ่ายจริง มีหลักฐาน หรือข้อมูลรายชื่อพนักงาน จำนวนเงินแผนการอนุมัติจากฝ่ายบริหาร