เช็กสถานะบริษัทว่าเข้าข่ายความเสี่ยงหรือไม่?
ในการทำธุรกิจ ความสำเร็จไม่ได้วัดกันเพียงแค่ยอดขายหรือกำไรเท่านั้น สิ่งที่ผู้ประกอบการมักมองข้ามคือ “ความเสี่ยง” ที่ซ่อนอยู่ในกิจการ ไม่ว่าจะเป็นความเสี่ยงด้านกฎหมาย ภาษี การเงิน หรือเทคโนโลยี ความเสี่ยงเหล่านี้อาจดูเล็กน้อยในตอนแรก แต่หากสะสมเรื่อย ๆ ก็อาจทำให้บริษัทต้องหยุดชะงัก หรือถึงขั้นปิดกิจการได้
ดังนั้น การ “เช็กสถานะความเสี่ยง” ของบริษัทอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นเหมือนการตรวจสุขภาพ เพื่อให้รู้ว่าบริษัทของคุณยังแข็งแรงดี หรือมีจุดอ่อนที่ต้องรีบแก้ไขก่อนสายเกินไป
ความหมายของความเสี่ยงในเชิงธุรกิจ
“ความเสี่ยง” ในบริบทของธุรกิจ หมายถึง ปัจจัยที่อาจทำให้บริษัทไม่สามารถบรรลุเป้าหมายได้ เช่น ยอดขายไม่เป็นไปตามเป้า ขาดสภาพคล่องทางการเงิน ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย หรือระบบไอทีล่มจนทำให้การดำเนินงานหยุดชะงัก ความเสี่ยงไม่ได้แปลว่าต้องเกิดเหตุร้ายเสมอไป แต่เป็นความเป็นไปได้ที่จะเกิดปัญหา หากไม่มีการป้องกันหรือรับมือที่ดีพอ
ตัวอย่างเช่น
- บริษัทขายของได้เยอะ แต่ไม่ได้ตรวจสอบเครดิตลูกค้า ทำให้เกิดหนี้สูญ
- บริษัททำกำไร แต่ไม่ส่งงบการเงินตามกำหนด สุดท้ายถูกปรับ
- บริษัทเก็บข้อมูลลูกค้าโดยไม่ระวัง วันหนึ่งถูกโจมตีทางไซเบอร์จนข้อมูลรั่วไหล
ทำไมต้องเช็กสถานะความเสี่ยงของบริษัท
- เพื่อป้องกันปัญหาก่อนเกิดหากเจ้าของกิจการรู้จุดอ่อนของบริษัทตั้งแต่เนิ่น ๆ ก็สามารถแก้ไขได้ก่อนที่จะบานปลาย
- เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือนักลงทุน ธนาคาร และคู่ค้า ล้วนต้องการทำธุรกิจกับบริษัทที่มีระบบบริหารความเสี่ยงชัดเจน
- เพื่อเสริมความมั่นคงระยะยาวการจัดการความเสี่ยงไม่ใช่การปิดกั้น แต่เป็นการสร้างรากฐานที่มั่นคงให้บริษัทเติบโตอย่างยั่งยืน
ประเภทของความเสี่ยงที่ธุรกิจควรระวัง
1. ความเสี่ยงด้านกฎหมายและการปฏิบัติตาม
บริษัททุกแห่งมีหน้าที่ตามกฎหมาย เช่น
- ต้องยื่นงบการเงินต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
- ยื่นภาษีต่อกรมสรรพากร
- ยื่นขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้อง
2. ความเสี่ยงด้านภาษี
หลายกิจการถูกตรวจสอบย้อนหลังเพราะยื่นภาษีไม่ถูกต้อง หรือเก็บเอกสารไม่ครบ หากเกิดกรณีนี้อาจถูกปรับ เสียเบี้ยปรับเงินเพิ่ม และเสียเวลาในการชี้แจงกับสรรพากร
3. ความเสี่ยงด้านการเงิน
บริษัทอาจทำยอดขายได้สูง แต่ขาดสภาพคล่อง เพราะเก็บเงินลูกค้าไม่ได้ทันเวลา หรือมีหนี้สินมากเกินไปจนดอกเบี้ยกินกำไร ความเสี่ยงทางการเงินถือเป็นสัญญาณเตือนที่สำคัญที่สุด
4. ความเสี่ยงด้านการปฏิบัติการ
หากบริษัทพึ่งพาซัพพลายเออร์เพียงรายเดียว เมื่อซัพพลายเออร์หยุดผลิต บริษัทก็อาจไม่มีสินค้าขายทันที หรือหากกระบวนการอนุมัติภายในไม่รัดกุม ก็อาจเกิดการทุจริตขึ้นโดยไม่รู้ตัว
5. ความเสี่ยงด้านบุคลากร
พนักงานถือเป็นทรัพยากรหลัก หากพนักงานคนสำคัญลาออกโดยไม่มีการเตรียมการ บริษัทอาจสะดุดทันที หรือไม่มีแผนสร้างบุคคลที่เป็นตัวตายตัวแทนในแต่ละทีม
6. ความเสี่ยงด้านเทคโนโลยีและข้อมูล
ในยุคดิจิทัล ข้อมูลคือหัวใจของธุรกิจ หากไม่มีการสำรองข้อมูล หรือไม่มีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีพอ บริษัทอาจเสียหายอย่างหนักจากการโจมตีทางไซเบอร์
วิธีเช็กว่าบริษัทเข้าข่ายเสี่ยงหรือไม่
- ตรวจสอบการส่งงบและภาษี
- ยื่นงบการเงินตรงเวลาหรือไม่?
- ยื่นภาษีครบทุกประเภทหรือเปล่า?
- ตรวจสอบสภาพคล่องทางการเงิน
- บริษัทมีเงินสดพอจ่ายค่าใช้จ่ายประจำได้กี่เดือน
- ลูกหนี้การค้าชำระเงินตรงเวลาหรือไม่?
- ตรวจสอบสัญญาและใบอนุญาต
- สัญญาเช่า สัญญาซัพพลายเออร์ หรือใบอนุญาตต่าง ๆ ใกล้หมดอายุหรือไม่?
- เอกสารบริษัทตรงตามที่ยื่นจดทะเบียนไว้หรือเปล่า
- ตรวจสอบกระบวนการทำงาน
- มีการแยกหน้าที่ผู้อนุมัติและผู้ปฏิบัติหรือไม่?
- มีมาตรการป้องกันการทุจริตภายในหรือยัง
- ตรวจสอบบุคลากรและงาน HR
- เงินเดือนและเงินสมทบประกันสังคมจ่ายตรงเวลาไหม
- มีคู่มือพนักงานหรือนโยบายชัดเจนหรือยัง
- นำส่งภาษีพนักงานได้ต้องถูกครบถ้วน
- ตรวจสอบด้านเทคโนโลยี
- มีการสำรองข้อมูลและทดสอบกู้คืนหรือไม่?
- ใช้ระบบรักษาความปลอดภัย (เช่น Two-Factor Authentication) หรือยัง
สัญญาณเตือนที่ไม่ควรมองข้าม
- มีกำไร แต่เงินสดหายไปทุกเดือน
- ยื่นภาษีตรงเวลา แต่ไม่มีเอกสารยืนยัน
- ลูกหนี้รายใหญ่ค้างชำระเกิน 3 เดือน
- มีพนักงานเพียงคนเดียวที่รู้วิธีเข้าระบบบัญชี
- ข้อมูลลูกค้าถูกเก็บไว้โดยไม่มีการเข้ารหัสหรือระบบป้องกัน
แนวทางแก้ไขและป้องกัน
- จัดระบบเอกสารให้เป็นระเบียบ : ทำทุกเดือน อย่ารอจนปลายปี
- วางระบบการเงินให้รัดกุม : มีการทำรายงานกระแสเงินสด ตรวจสอบบัญชีลูกหนี้และเจ้าหนี้สม่ำเสมอ
- ปรับปรุงขั้นตอนการทำงานภายใน : แบ่งหน้าที่การทำงานอย่างชัดเจน ไม่ปล่อยให้พนักงานเพียงคนเดียวทำทุกขั้นตอน เพื่อลดโอกาสการทุจริต
- ลงทุนในเทคโนโลยีและความปลอดภัย : ใช้ระบบบัญชีออนไลน์ มีการสำรองข้อมูล และใช้รหัสผ่านอย่างรัดกุม
- สร้างวัฒนธรรมการบริหารความเสี่ยง : ให้พนักงานทุกคนเข้าใจและช่วยกันสังเกตความผิดปกติ
สรุป
การเช็กสถานะบริษัทว่าเข้าข่ายเสี่ยงหรือไม่? เป็นเรื่องที่ผู้ประกอบการไม่ควรมองข้าม เพราะความเสี่ยงเล็ก ๆ วันนี้อาจกลายเป็นปัญหาใหญ่ในวันหน้าได้ การบริหารความเสี่ยงที่ดีไม่เพียงแต่ช่วยให้ธุรกิจอยู่รอด แต่ยังทำให้ธุรกิจมีความน่าเชื่อถือและพร้อมรับโอกาสใหม่ ๆ อยู่เสมอ
ดังนั้น หากเจ้าของกิจการยังไม่เคยตรวจสอบความเสี่ยงของบริษัทมาก่อน บทความนี้คือจุดเริ่มต้นที่ดี ลองหยิบคำถามไปลองเช็กบริษัท แล้วจะรู้ว่าบริษัทแข็งแรงพอที่จะโตต่อไป หรือมีจุดไหนที่ควรรีบแก้ไขทันที