การจดบริษัทแบบมีชาวต่างชาติร่วมลงทุน
เปิดประตูธุรกิจสู่ตลาดโลกอย่างถูกต้องตามกฎหมายไทย ในโลกธุรกิจยุคปัจจุบัน การขยายธุรกิจทางการค้าไปยังต่างประเทศไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป หลายธุรกิจในประเทศไทยเริ่มมองเห็นโอกาสในการร่วมมือกับชาวต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้ เทคโนโลยี ทุน หรือช่องทางตลาด การมี “นักลงทุนต่างชาติ” เข้ามาร่วมทุนในบริษัทไทย จึงเป็นกลยุทธ์ที่น่าสนใจอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในกลุ่ม SME และ Startup ที่ต้องการเติบโตแบบก้าวกระโดด
แต่การจดบริษัทโดยมีชาวต่างชาติเข้ามาร่วมถือหุ้นนั้น สามารถทำได้ แต่ต้องศึกษาให้ถ่องแท้ทั้งในแง่ของ ข้อกฎหมาย สัดส่วนการถือหุ้น และประเภทกิจการที่อนุญาตให้ต่างชาติเข้ามาเกี่ยวข้อง หากดำเนินการผิดขั้นตอนหรือหลบเลี่ยงเงื่อนไขทางกฎหมาย อาจนำไปสู่ความเสียหายร้ายแรงถึงขั้นถูกเพิกถอนนิติบุคคล
ความหมายของ “การมีชาวต่างชาติร่วมลงทุน” ในบริษัทไทย
ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่า ชาวต่างชาติ (Foreigners) ในความหมายของกฎหมายไทย ไม่ได้จำกัดเฉพาะบุคคลธรรมดาสัญชาติอื่นเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงนิติบุคคลที่มีโครงสร้างผู้ถือหุ้นต่างชาติเป็นหลักด้วย
กฎหมายที่ควบคุมเรื่องนี้คือ พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 (Foreign Business Act – FBA) ซึ่งระบุว่า หากบริษัทใดมีโครงสร้างผู้ถือหุ้นที่ชาวต่างชาติถือหุ้นเกิน 49% และมีอำนาจควบคุมการบริหารกิจการ ก็จะถือว่าเป็น “บริษัทต่างด้าว” (Foreign Company)
สัดส่วนการถือหุ้นระหว่างคนไทยกับต่างชาติ
รูปแบบการถือหุ้นสามารถแบ่งได้เป็น 3 ลักษณะหลัก:
- บริษัทคนไทย 100%
- ชาวต่างชาติไม่มีชื่ออยู่ในรายชื่อผู้ถือหุ้น
- เป็นบริษัทไทยเต็มรูปแบบ
- บริษัทร่วมทุน (Joint Venture)
- คนไทยต้องถือหุ้นตั้งแต่ 51% ขึ้นไป
- ชาวต่างชาติถือหุ้นไม่เกิน 49%
- ถือว่ายังเป็นบริษัทไทย
- บริษัทต่างด้าว
- ชาวต่างชาติถือหุ้นเกิน 49%
- ต้องขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว (FBL)
- ห้ามทำธุรกิจบางประเภทตามที่กฎหมายกำหนด เว้นแต่ธุรกิจที่ได้รับอนุญาตพิเศษ
ประเภทธุรกิจที่ชาวต่างชาติสามารถทำได้และไม่ได้
ภายใต้ FBA ธุรกิจถูกแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก:
- ธุรกิจต้องห้ามชาวต่างชาติ 100% (เช่น เกษตรกรรม การค้าของเก่าไทย ฯลฯ)
- ธุรกิจที่กระทบต่อความมั่นคงหรือวัฒนธรรมไทย (ต้องได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว)
- ธุรกิจที่คนต่างชาติสามารถทำได้ แต่รัฐยังอยากสงวนไว้ เช่น ธุรกิจบริการ ก่อสร้าง ค้าปลีก ค้าส่ง ฯลฯ
📍 หากกิจการของคุณอยู่ในข้อ 2 หรือ 3 และคุณมีชาวต่างชาติเข้ามาร่วมถือหุ้นเกิน 49% จะต้องขอใบอนุญาต FBL (Foreign Business License) ก่อนดำเนินการธุรกิจ
ทางเลือกในการเปิดบริษัทแบบมีชาวต่างชาติถือหุ้นเกิน 49%
- ขอรับการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI (Board of Investment)
- หากได้รับ BOI จะสามารถถือหุ้น 100% โดยไม่ต้องขอ FBL
- เหมาะกับกิจการเทคโนโลยี นวัตกรรม การผลิตส่งออก เป็นต้น
- ใช้สิทธิภายใต้สนธิสัญญาสหรัฐ-ไทย (US Treaty of Amity)
- เฉพาะนักลงทุนสัญชาติสหรัฐอเมริกา
- สามารถเปิดบริษัทไทยโดยถือหุ้น 100% ได้
- ยกเว้นบางธุรกิจ เช่น โทรคมนาคม ขนส่ง มัคคุเทศก์
- ตั้งบริษัทใน EEC (Eastern Economic Corridor)
- นักลงทุนต่างชาติทำธุรกิจในพื้นที่ EEC สามารถขอสิทธิพิเศษการถือหุ้นเกิน 49% ได้
- ต้องผ่านเงื่อนไขของสำนักงาน EEC และ BOI
ขั้นตอนการจดทะเบียนบริษัทแบบมีชาวต่างชาติร่วมลงทุน
- ตกลงโครงสร้างผู้ถือหุ้น
- ชาวต่างชาติจะถือหุ้นกี่ %
- ชาวต่างชาติจะเป็นกรรมการบริษัทด้วยหรือไม่
- เตรียมเอกสารสำหรับคนต่างชาติ
- สำเนาหนังสือเดินทาง
- หนังสือรับรองที่พักอาศัยในไทย (ถ้ามี)
- หนังสือแสดงแหล่งที่มาของเงินลงทุน
- กรณีเป็นนิติบุคคล ต้องมีหนังสือรับรองบริษัทแปลไทย
- ตั้งชื่อบริษัท จองชื่อ และจดทะเบียนกับ DBD
- ทำการจองชื่อผ่านระบบ DBD
- เตรียมหนังสือบริคณห์สนธิ และเอกสารประกอบอื่น ๆ
- ยื่นจดทะเบียนบริษัท
- เปิดบัญชีธนาคารในนามบริษัท
- กรณีชาวต่างชาติเข้าร่วมเป็นกรรมการ อาจต้องใช้เอกสารพิเศษเพิ่มเติม
- ขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว (FBL) – ถ้าจำเป็น
- ยื่นเอกสารต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
- ใช้เวลาอนุมัติ 30–90 วัน
- ขอใบอนุญาตทำงาน (Work Permit)
- หากชาวต่างชาติจะทำงานในบริษัท ต้องมีวีซ่าประเภท Non-B และ Work Permit
ข้อควรระวัง: การถือหุ้นแทน (Nominee Shareholder)
กฎหมายไทยไม่อนุญาตให้คนไทยถือหุ้นแทนคนต่างชาติ หากตรวจพบว่าโครงสร้างผู้ถือหุ้นเป็นเพียง “ตัวแทน” ของนักลงทุนต่างชาติถือว่าเป็นการ “หลีกเลี่ยงกฎหมาย” และมีโทษทางอาญา อาจถูกเพิกถอนทะเบียนนิติบุคคล และโดนค่าปรับได้
ข้อดีของการมีชาวต่างชาติเข้าร่วมลงทุน
- เพิ่มเงินทุนหมุนเวียนให้ธุรกิจ
- นำประสบการณ์หรือเทคโนโลยีใหม่เข้ามา
- เปิดประตูสู่ตลาดต่างประเทศ
- เพิ่มความน่าเชื่อถือเมื่อเสนอขายสินค้า/บริการในระดับสากล
- สร้างโอกาสขยายเครือข่ายธุรกิจในระดับภูมิภาค
ตัวอย่างสถานการณ์จริง
บริษัท XYZ เป็น Startup ด้านซอฟต์แวร์ของไทย มีนักลงทุนจากญี่ปุ่นสนใจถือหุ้น 40%
ทีมไทยยังถือ 60% จึงสามารถจดบริษัทแบบ “นิติบุคคลไทย” ได้ ไม่ต้องขอ FBL และสามารถดำเนินกิจการได้อย่างราบรื่นในอนาคต บริษัทวางแผนจะยื่นขอ BOI เพื่อเปิดทางให้ต่างชาติถือหุ้นมากขึ้นอีกได้
สรุปการร่วมลงทุนกับชาวต่างชาติอย่างไรให้ถูกกฎหมาย
การมี “ชาวต่างชาติร่วมลงทุน” ไม่ใช่เรื่องน่ากังวลอีกต่อไป หากเข้าใจโครงสร้างกฎหมายและเลือกช่องทางที่เหมาะสม
แนวทางปฏิบัติที่ถูกต้องควรเริ่มจาก:
- วางแผนโครงสร้างผู้ถือหุ้นอย่างรอบคอบ
- พิจารณาขอ BOI หรือลงทุนในพื้นที่ EEC หากต้องการถือหุ้นเกิน 49%
- หลีกเลี่ยงการตั้ง nominee
- ใช้บริการที่ปรึกษากฎหมายธุรกิจที่เชี่ยวชาญด้าน FBL
- จัดเตรียมเอกสารต่าง ๆ อย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้
การร่วมทุนกับนักลงทุนต่างชาติอย่างถูกต้อง จะช่วยให้ธุรกิจไทยสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน ก้าวสู่ตลาดต่างประเทศ และแข่งขันได้อย่างมั่นคงในโลกยุคใหม่