

การเตรียมบัญชีให้พร้อมก่อนเปิดบริษัท ไม่เพียงแต่ช่วยให้ดำเนินธุรกิจได้อย่างมีระบบ แต่ยังช่วยป้องกันความผิดพลาดด้านภาษีและการเงินในอนาคต เจ้าของธุรกิจมือใหม่หลายคนมักมองข้ามการวางแผนบัญชีในช่วงเริ่มต้น ส่งผลให้เกิดปัญหายุ่งยากตามมา ดังนั้น การจัดการบัญชีตั้งแต่ต้นจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม
ก่อนเปิดบริษัท ควรกำหนดให้ชัดว่าจะดำเนินธุรกิจในรูปแบบใด เช่น บริษัทจำกัด ห้างหุ้นส่วน หรือกิจการเจ้าของคนเดียว เพราะรูปแบบของธุรกิจจะส่งผลต่อภาระภาษี การจัดทำบัญชี และเอกสารที่ต้องจัดเตรียม
หากวางแผนจะจดทะเบียนเป็นบริษัท ควรกำหนดทุนจดทะเบียนให้เหมาะสมกับขนาดธุรกิจ ไม่ต่ำเกินไปจนขอสินเชื่อยาก และไม่สูงเกินความเป็นจริงจนถูกสรรพากรตรวจสอบ
ระบบบัญชีที่ดีจะช่วยให้คุณควบคุมรายรับรายจ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยควรจัดเตรียมสิ่งต่อไปนี้:
– เปิดบัญชีธนาคารในนามบริษัทโดยเฉพาะ
– แยกบัญชีส่วนตัวกับบัญชีธุรกิจอย่างชัดเจน
– วางแผนวิธีรับเงิน–จ่ายเงิน เช่น โอนผ่านบัญชี เช็ค หรือเงินสด
– กำหนดวิธีการจัดเก็บเอกสาร เช่น ใบกำกับภาษี ใบเสร็จรับเงิน และใบส่งของ
การใช้โปรแกรมบัญชีตั้งแต่เริ่มต้นจะช่วยให้การทำบัญชีแม่นยำ ลดเวลา และลดความผิดพลาด ควรเลือกโปรแกรมที่รองรับภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) การออกใบกำกับภาษี และสามารถส่งข้อมูลให้สำนักงานบัญชีหรือนักบัญชีได้สะดวก เช่น โปรแกรม Express, FlowAccount หรือ Odoo ERP
แม้เจ้าของธุรกิจจะสามารถทำบัญชีเองได้ในช่วงเริ่มต้น แต่การมีนักบัญชีหรือสำนักงานบัญชีดูแลตั้งแต่แรกจะช่วยลดความเสี่ยงในการยื่นภาษีผิด ยื่นเอกสารล่าช้า หรือถูกตรวจสอบย้อนหลัง ควรเลือกนักบัญชีที่มีประสบการณ์กับธุรกิจประเภทเดียวกัน เข้าใจกฎหมายภาษี และสามารถให้คำแนะนำในการวางแผนภาษีตั้งแต่ต้นได้
– การวางแผนภาษีที่ดีควรเริ่มตั้งแต่ก่อนเปิดบริษัท เช่น
– การตั้งเงินเดือนผู้ถือหุ้นเพื่อหักค่าใช้จ่าย
– การใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษี เช่น ค่าลดหย่อนจากค่าใช้จ่ายสำนักงาน ค่าเสื่อมราคา
– การตัดสินใจว่าจะจด VAT หรือไม่ (โดยดูจากรายได้ และลักษณะธุรกิจ)
หากวางแผนภาษีล่วงหน้าได้ดี จะสามารถลดภาระภาษีได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย