

การจดทะเบียนบริษัทถือเป็นก้าวสำคัญของผู้ประกอบการที่ต้องการสร้างธุรกิจให้ถูกต้องตามกฎหมายและมีความน่าเชื่อถือ อย่างไรก็ตาม ในบางกรณี เจ้าของบริษัทอาจจดทะเบียนไปแล้วแต่ไม่ได้ดำเนินกิจการจริง ไม่ว่าจะเป็นเพราะธุรกิจยังไม่พร้อม หรือเปลี่ยนแผนกะทันหัน การปล่อยให้บริษัทที่จดทะเบียนไว้อยู่เฉย ๆ โดยไม่ดำเนินการใด ๆ อาจนำไปสู่ปัญหาทางกฎหมายและค่าปรับที่ไม่คาดคิด ดังนั้น หากจดทะเบียนบริษัทแล้วแต่ยังไม่ได้ดำเนินกิจการ ควรดำเนินการตามขั้นตอนที่ถูกต้องเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาภายหลัง ขั้นตอนที่ต้องทำหากจดทะเบียนบริษัทแล้วแต่ไม่ได้ดำเนินกิจการ 1. ยื่นภาษีเงินได้นิติบุคคล (ภ.ง.ด.50 และ ภ.ง.ด.51)
ในปัจจุบัน มีธุรกิจและกิจการมากมายที่ต้องใช้ ใบอนุญาตประกอบกิจการ หรือ ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ เพื่อดำเนินงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่หลายคนอาจเจอคือ “ใบอนุญาตที่ได้ขอมาเป็นของแท้หรือไม่?” เนื่องจากมีมิจฉาชีพที่อาจปลอมแปลงเอกสาร หรือมีใบอนุญาตปลอมที่ไม่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 1. ตรวจสอบหน่วยงานที่ออกใบอนุญาต2. ตรวจสอบหมายเลขใบอนุญาตและ QR Code3. ตรวจสอบรายละเอียดบนใบอนุญาต4. เช็กข้อมูลผ่านระบบออนไลน์ของภาครัฐ5. สอบถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง อย่าตกเป็นเหยื่อของใบอนุญาตปลอม!
การจดทะเบียนบริษัทถือเป็นก้าวสำคัญของผู้ประกอบการที่ต้องการขยายธุรกิจให้ถูกต้องตามกฎหมายและมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการจดทะเบียนบริษัทแล้ว เจ้าของธุรกิจจำเป็นต้องมีความเข้าใจเกี่ยวกับภาษีที่ต้องเสีย เพื่อให้สามารถวางแผนทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพและหลีกเลี่ยงปัญหาด้านภาษีในอนาคต 1. ภาษีเงินได้นิติบุคคล (Corporate Income Tax)2. ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT – Value Added Tax)3. ภาษีหัก ณ ที่จ่าย (Withholding
การเริ่มต้นธุรกิจเป็นความฝันของหลาย ๆ คน แต่หนึ่งในคำถามที่สำคัญคือ “ควรทำธุรกิจคนเดียว หรือหาหุ้นส่วนมาร่วมงานดี?” การเลือกแนวทางที่เหมาะสมส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการบริหารจัดการ การเงิน และการเติบโตของกิจการในบทความนี้จะอธิบายข้อดี-ข้อเสียของทั้งสองทางเลือก เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการตัดสินใจได้อย่างเหมาะสม การทำธุรกิจคนเดียว (Sole Proprietorship) การทำธุรกิจคนเดียวหมายถึงเจ้าของกิจการเป็นผู้รับผิดชอบทุกอย่างเองทั้งหมด ตั้งแต่การวางแผน การบริหารงาน การเงิน ไปจนถึงการตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ
การเปลี่ยนชื่อกรรมการบริษัทอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น การเปลี่ยนชื่อ-นามสกุลจากการสมรส การเปลี่ยนชื่อเพื่อเสริมดวง หรือเหตุผลส่วนตัวอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการเปลี่ยนชื่อเกิดขึ้น กรรมการบริษัทต้องดำเนินการแจ้งเปลี่ยนแปลงกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ข้อมูลของบริษัทเป็นปัจจุบันและถูกต้องตามกฎหมาย ขั้นตอนการดำเนินการเมื่อต้องเปลี่ยนชื่อกรรมการบริษัท 1. เตรียมเอกสารที่จำเป็น 2. แจ้งเปลี่ยนแปลงกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า 3. แจ้งเปลี่ยนแปลงกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ข้อควรระวังในการเปลี่ยนชื่อกรรมการบริษัท
รวมข้อควรรู้เกี่ยวกับแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย เช่น อาชีพที่คนต่างด้าวห้ามทำ อาชีพที่ทำได้เฉพาะผู้ที่มีนายจ้าง พร้อมบทลงโทษที่ผู้ประกอบการต้องรู้
สรุปความหมายของออดิท คือกระบวนการตรวจสอบงบบัญชีและงบการเงินภายในองค์กร ดำเนินการโดย Auditor พร้อมแนะนำ 4 ประเภทของออดิทที่ควรรู้จัก
ทำความเข้าใจเรื่องใบรับรองเงินเดือนอย่างรอบด้าน ตั้งแต่ความหมาย การนำไปใช้ ผลกระทบจากการจัดทำที่ผิดพลาด และวิธีป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น
จดทะเบียนบริษัทกับจดทะเบียนพาณิชย์ การเริ่มต้นธุรกิจอย่างถูกต้องตามกฎหมายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ประกอบการ โดยเฉพาะการเลือกจดทะเบียนธุรกิจให้เหมาะสมกับรูปแบบและขนาดของกิจการ หลายคนอาจสงสัยว่าการ จดทะเบียนพาณิชย์ และ จดทะเบียนบริษัท ต่างกันอย่างไร? และควรเลือกจดแบบไหนให้เหมาะกับธุรกิจของตนเอง บทความนี้จะอธิบายความแตกต่างระหว่างสองรูปแบบนี้ เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง ความหมายของจดทะเบียนพาณิชย์และจดทะเบียนบริษัท จดทะเบียนพาณิชย์ หรือที่เรียกว่า “ทะเบียนการค้า” เป็นการแจ้งให้หน่วยงานรัฐทราบว่ามีการประกอบธุรกิจ ซึ่งออกโดยสำนักงานเขต เทศบาล หรือองค์การบริหารส่วนตำบล เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็กที่เจ้าของดำเนินการเพียงคนเดียวหรือมีพนักงานไม่กี่คน
Line ID : @greenprokspacc
Tel : 085-067-4884
Line ID : @greenproksp
Tel : 094-864-9799