หน้าที่ของผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม

จด VAT แล้วต้องทำอะไรต่อ? Checklist 4 หน้าที่สำคัญที่ผู้ประกอบการต้องรู้

การจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ถือเป็นก้าวสำคัญที่แสดงว่าธุรกิจของคุณเติบโตขึ้น แต่หลังจากจดทะเบียนแล้ว ผู้ประกอบการจะมีหน้าที่ใหม่ๆ เพิ่มขึ้นตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งหากละเลยหรือไม่ปฏิบัติให้ถูกต้อง อาจนำไปสู่ปัญหาเบี้ยปรับและเงินเพิ่มจากกรมสรรพากรได้

บทความนี้สรุป 4 หน้าที่หลักที่ผู้ประกอบการจดทะเบียน VAT ทุกรายต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด


หน้าที่ที่ 1: เรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% และออกใบกำกับภาษี

เมื่อคุณขายสินค้าหรือให้บริการ คุณมีหน้าที่ต้องเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตรา 7% จากลูกค้า และต้อง “ออกใบกำกับภาษี” ให้กับผู้ซื้อทุกครั้ง เพื่อเป็นหลักฐานแสดงการเรียกเก็บ VAT

  • สิ่งสำคัญ: ใบกำกับภาษีต้องมีรายการครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนด และต้องออกในทันทีที่ความรับผิดทางภาษีเกิดขึ้น (เช่น เมื่อส่งมอบสินค้า หรือเมื่อได้รับชำระค่าบริการ)

หน้าที่ที่ 2: จัดทำรายงานตามที่กฎหมายกำหนด

เพื่อควบคุมและตรวจสอบการซื้อขายที่เกี่ยวข้องกับ VAT ผู้ประกอบการต้องจัดทำรายงานภาษีที่สำคัญ 3 ประเภทเป็นประจำทุกเดือน:

  1. รายงานภาษีขาย (Sales Tax Report): บันทึกรายละเอียดของใบกำกับภาษี “ฝั่งขาย” ทั้งหมดที่คุณออกให้กับลูกค้าในแต่ละเดือน เพื่อสรุปยอดภาษีขาย (Output Tax) ที่ต้องนำส่งสรรพากร
  2. รายงานภาษีซื้อ (Purchase Tax Report): บันทึกรายละเอียดของใบกำกับภาษี “ฝั่งซื้อ” ทั้งหมดที่คุณได้รับจากคู่ค้า เพื่อสรุปยอดภาษีซื้อ (Input Tax) ที่คุณมีสิทธิ์นำมาหักออกจากภาษีขาย
  3. รายงานสินค้าและวัตถุดิบ (Inventory Report): บันทึกการรับ-จ่ายสินค้าและวัตถุดิบในสต็อก เพื่อให้สามารถตรวจสอบจำนวนสินค้าคงเหลือได้

หน้าที่ที่ 3: ยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษี (ภ.พ.30)

นี่คือหน้าที่สำคัญที่สุดประจำเดือน ผู้ประกอบการต้องนำ “ภาษีขาย” มาหักด้วย “ภาษีซื้อ” ของเดือนนั้นๆ เพื่อคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มที่ต้องชำระ และยื่นแบบแสดงรายการ ภ.พ.30

  • กำหนดเวลา: ต้องยื่นแบบ ภ.พ.30 และชำระภาษี (ถ้ามี) ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป
  • ไม่มีรายการก็ต้องยื่น: แม้ว่าในเดือนนั้นจะไม่มีการซื้อขายเกิดขึ้นเลย ก็ยังคงมีหน้าที่ต้องยื่นแบบ ภ.พ.30 เป็น “แบบเปล่า”
  • ภาษีซื้อมากกว่าภาษีขาย: หากภาษีซื้อมากกว่าภาษีขาย คุณสามารถขอคืนเป็นเงินสด หรือขอเครดิตภาษีเพื่อนำไปใช้ในเดือนถัดไปได้

หน้าที่ที่ 4: เก็บรักษาเอกสารและรายงาน

ผู้ประกอบการมีหน้าที่ต้องเก็บรักษาใบกำกับภาษี, สำเนาใบกำกับภาษี, และรายงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับภาษีมูลค่าเพิ่มไว้ ณ สถานประกอบการ เป็นเวลา ไม่น้อยกว่า 5 ปี นับจากวันที่ยื่นแบบภาษี เพื่อให้พร้อมสำหรับการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่กรมสรรพากร

สรุป:

การเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียน VAT มาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ต้องใส่ใจในรายละเอียดด้านเอกสารและกำหนดเวลา การวางระบบบัญชีที่ดีและปฏิบัติตามหน้าที่ทั้ง 4 ข้อนี้อย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้ธุรกิจของคุณดำเนินไปอย่างราบรื่น ถูกต้องตามกฎหมาย และลดความเสี่ยงจากปัญหาภาษีย้อนหลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ