พ.ร.บ.ควบคุมอาหาร แอลกอฮอล์ และสถานที่สะสมอาหาร มีผลต่อธุรกิจอย่างไร?
พ.ร.บ.ควบคุมอาหาร แอลกอฮอล์ และสถานที่สะสมอาหาร มีผลต่อธุรกิจอย่างไร?
การทำธุรกิจในยุคปัจจุบันไม่ได้อาศัยแค่ไอเดียและเงินทุนเท่านั้น แต่ยังต้องอาศัยความเข้าใจใน “กฎหมาย” ที่เกี่ยวข้องกับประเภทสินค้าหรือบริการที่ดำเนินการด้วย โดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอาหาร เครื่องดื่ม หรือสถานที่จัดเก็บวัตถุดิบ เช่น ร้านอาหาร คาเฟ่ โรงงานผลิต หรือคลังสินค้า หากมองข้ามเรื่องกฎหมายไปอาจนำไปสู่ปัญหาใหญ่ เช่น โดนสั่งปิด ถูกดำเนินคดี หรือปรับเงินจำนวนมากโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะ SME, Home made, หรือ Food Online ที่ไม่รู้ว่าต้องขอใบอนุญาตก่อนดำเนินกิจการ
หนึ่งในกฎหมายสำคัญที่ผู้ประกอบการควรรู้จักและเข้าใจ คือ พระราชบัญญัติควบคุมอาหาร พ.ศ. 2522, พระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551, และ กฎกระทรวงเกี่ยวกับสถานที่จำหน่ายและสถานที่สะสมอาหาร ซึ่งล้วนเป็นกฎหมายที่มีผลโดยตรงต่อการดำเนินธุรกิจหลายประเภท โดยเฉพาะธุรกิจ SME หรือผู้ประกอบการรายย่อยที่มักเริ่มต้นจากร้านเล็ก ๆ แต่กลับละเลยข้อกฎหมายเหล่านี้
มาทำความรู้จักกับ พ.ร.บ.ควบคุมอาหาร
พระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 เป็นกฎหมายที่กำหนดให้ผลิต นำเข้า หรือจำหน่ายอาหารทุกประเภท ต้องปฏิบัติตามมาตรฐานที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดไว้ เช่น เรื่องความสะอาด ความปลอดภัย ปริมาณสารปนเปื้อน การติดฉลาก โภชนาการ และการโฆษณา
ผลกระทบต่อธุรกิจ:
- ผู้ผลิตอาหาร (ทั้งโรงงานและครัวขนาดเล็ก) ต้องขอ “ใบอนุญาตผลิตอาหาร”
- ร้านอาหาร ร้านขนม หรือร้านขายอาหารสำเร็จรูป ต้องขอ “ใบอนุญาตจำหน่ายอาหาร”
- สินค้าที่จัดจำหน่ายต้องมีฉลากภาษาไทยถูกต้องครบถ้วน (ชื่อสินค้า วันผลิต วันหมดอายุ สารก่อภูมิแพ้ ฯลฯ)
- หากมีการโฆษณาอวดอ้างสรรพคุณ ต้องระวังไม่ให้เข้าข่าย “โฆษณาเกินจริง”
หากไม่ปฏิบัติตาม อาจเจอโทษทั้งทางแพ่งและอาญา เช่น ปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 2 ปี แล้วแต่กรณี
พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
กฎหมายนี้มีขึ้นเพื่อควบคุมการผลิต การขาย การโฆษณา และการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยเน้นให้เกิดความรับผิดชอบต่อสังคมและลดผลกระทบเชิงลบ เช่น การเมาแล้วขับ ความรุนแรงในครอบครัว และปัญหาสุขภาพ
ผลกระทบต่อธุรกิจ:
- ธุรกิจที่จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เช่น ร้านอาหาร ผับ บาร์ ต้องขอ “ใบอนุญาตขายสุรา”
- ห้ามจำหน่ายในเวลาที่กฎหมายห้าม (เช่น ก่อน 11:00 น. และระหว่าง 14:00–17:00 น.)
- ห้ามโฆษณาหรือส่งเสริมการขายสุราโดยแสดงภาพการดื่ม เครื่องดื่มยี่ห้อ หรือข้อความชักชวนให้บริโภค
- สื่อออนไลน์หรือโพสต์ขายไวน์ เบียร์ บน Facebook โดยมีราคาชัดเจน = เข้าข่ายผิดกฎหมาย
กฎกระทรวงว่าด้วยสถานที่จำหน่ายอาหาร และสถานที่สะสมอาหาร
นอกจากตัวสินค้าแล้ว “สถานที่” ที่จำหน่ายหรือเก็บสินค้าอาหารก็ถูกควบคุมเช่นกัน โดยตามกฎหมาย ผู้ประกอบการต้องขอใบอนุญาตสถานที่จำหน่ายอาหาร และใบอนุญาตสถานที่สะสมอาหาร
สถานที่ต้องขอใบอนุญาต เช่น:
- ร้านอาหารทุกประเภท (ร้านอาหารตามสั่ง, คาเฟ่)
- คลังสินค้าหรือโกดังเก็บสินค้าอาหาร
- ร้านขายของชำหรือซูเปอร์มาร์เก็ต
คุณสมบัติของสถานที่:
- มีความสะอาดตามหลักสุขาภิบาล
- มีการจัดการน้ำเสีย ขยะ และสัตว์พาหะอย่างเหมาะสม
- พนักงานต้องมีสุขลักษณะที่ดี และผ่านการตรวจสุขภาพตามที่กฎหมายกำหนด
หากฝ่าฝืน: เจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าตรวจสอบ แจ้งเตือน สั่งปิดชั่วคราว และดำเนินคดีตามกฎหมายได้
ใครบ้างที่ได้รับผลกระทบจากกฎหมายนี้?
- ร้านอาหาร/คาเฟ่ = ต้องขอทั้งใบอนุญาตจำหน่ายอาหาร และใบอนุญาตสถานที่
- ครัวในบ้าน (Home made) = ถ้าผลิตเพื่อขาย ต้องขอใบผลิตอาหาร
- ร้านขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ = ต้องมีใบอนุญาตขายสุรา + ห้ามโฆษณาออนไลน์
- ร้านค้า / โกดัง = ต้องมีใบอนุญาตสถานที่สะสมอาหาร
- ร้านออนไลน์ = หากมีการผลิต/ส่งอาหารเอง = ต้องขออนุญาตเหมือนร้านปกติ
ทำอย่างไรให้ธุรกิจคุณไม่เสี่ยง?
- ตรวจสอบก่อนเปิดกิจการ ว่าต้องขอใบอนุญาตใดบ้าง เช่น ใบอนุญาตผลิตอาหาร, จำหน่ายอาหาร, ขายสุรา, หรือสะสมอาหาร
- ติดต่อหน่วยงานท้องถิ่น เช่น สำนักงานเขต เทศบาล หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด เพื่อขอคำแนะนำ
- จัดเตรียมสถานที่ตามมาตรฐาน เช่น ความสะอาด ระบบน้ำ ระบบระบายอากาศ ฯลฯ
- อบรมพนักงานให้เข้าใจสุขลักษณะ และภาระหน้าที่ด้านกฎหมาย
- เก็บเอกสารใบอนุญาตไว้ให้ตรวจสอบได้เสมอ
- อย่าโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยใช้ภาพดื่มหรือข้อความเชิญชวน
สรุป
การทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหารและเครื่องดื่ม ไม่ใช่แค่เรื่องของรสชาติหรือบริการที่ดีเท่านั้น แต่กฎหมายคือ รากฐานสำคัญที่ธุรกิจต้องปฏิบัติตาม ไม่เช่นนั้นอาจเสี่ยงต่อการถูกปิดกิจการ ปรับ หรือดำเนินคดีโดยไม่รู้ตัว
พ.ร.บ.ควบคุมอาหาร – สุรา – สถานที่สะสมอาหาร ไม่ได้มีขึ้นเพื่อสร้างความยุ่งยาก แต่เพื่อปกป้องผู้บริโภค และยกระดับมาตรฐานธุรกิจ หากเจ้าของกิจการเรียนรู้และวางแผนแต่เนิ่น ๆ ก็สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมั่นคง ถูกต้อง และปลอดภัย