สำหรับคนที่เป็นมือใหม่ทำธุรกิจส่วนตัว การจดทะเบียนตามกฎหมายเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรละเลยอย่างยิ่ง แต่หลายคนยังลังเลระหว่างการจดทะเบียนบริษัทจำกัดหรือห้างหุ้นส่วนจำกัด ซึ่งทั้งสองแบบมีรายละเอียดที่แตกต่างกันพอสมควร
บริษัทจำกัด เหมาะกับธุรกิจที่มีแผนขยายตัวในอนาคต
บริษัทจำกัด (Private Limited Company) คือ นิติบุคคลที่แยกออกจากเจ้าของอย่างชัดเจน มีสถานะทางกฎหมายเป็นบุคคลใหม่ตามกฏหมายแพ่งและพาณิชย์ ต้องจัดตั้งและจดทะเบียนตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป กำไรที่ได้รับต้องแบ่งให้ผู้ถือหุ้นตามเปอร์เซ็นต์ เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการความน่าเชื่อถือสูง มีแผนขยายกิจการในอนาคต
ประเภทของบริษัทจำกัด
- บริษัทเอกชนจำกัด ต้องมีผู้ถือหุ้นขั้นต่ำ 2 คนขึ้นไป หากต้องการระดมทุนสามารถทำผ่านผู้ถือหุ้นเดิมหรือนักลงทุนส่วนตัว โดยสามารถขายหุ้นให้บุคคลภายนอกได้ไม่เกิน 35 ราย และไม่สามารถเสนอขายหุ้นให้แก่ประชาชนทั่วไปได้ และไม่จำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลทางการเงินต่อสาธารณะ
- บริษัทมหาชนจำกัด ต้องมีผู้ถือหุ้นขั้นต่ำ 15 คนขึ้นไป สามารถระดมทุนผ่านการเสนอขายหุ้นให้แก่สาธารณะผ่านตลาดหลักทรัพย์ และต้องปฏิบัติตามข้อกำหนด นอกจากนี้ ต้องเปิดเผยข้อมูลทางการเงินและผลการดำเนินงานเป็นประจำ
ข้อดีของบริษัทจำกัด
- มีความน่าเชื่อถือสูง ทำให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่าย เช่น ขอสินเชื่อธนาคาร หรือดึงดูดนักลงทุนหน้าใหม่ได้
- แยกทรัพย์สินส่วนตัวออกจากธุรกิจ ผู้ถือหุ้นจะรับผิดชอบตามมูลค่าหุ้นที่ถือ
- สามารถเติบโตและมีระบบการบริหารจัดการที่ชัดเจน รองรับการจ้างพนักงาน การวางระบบบัญชีที่โปร่งใส และการขยายสาขาในอนาคต
ข้อเสียของบริษัทจำกัด
- มีค่าใช้จ่ายในการจัดตั้งและดำเนินงานสูง เช่น ค่าธรรมเนียมรายปี ค่าทำบัญชี ค่าตรวจสอบบัญชี
- มีกฎระเบียบข้อบังคับทางกฎหมายมากกว่าห้างหุ้นส่วน ต้องมีการประชุมผู้ถือหุ้น การยื่นเอกสารต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และอื่น ๆ เป็นประจำ
ห้างหุ้นส่วน เหมาะกับธุรกิจขนาดเล็กหรือครอบครัว
ห้างหุ้นส่วน (Partnership) คือ ธุรกิจที่ดำเนินการโดยบุคคลตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ใช้เงินเริ่มต้นธุรกิจน้อย มีการแบ่งสัดส่วนรายได้ตามที่ตกลงกันไว้ การลงทุนสามารถเป็นไปได้ทั้งเงิน ทรัพย์สิน หรือแรงงาน
ประเภทของห้างหุ้นส่วน
- กิจการห้างหุ้นส่วนสามัญ เป็นธุรกิจที่ต้องมีบุคคลจดทะเบียนตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ทุกคนเป็นหุ้นส่วนแบบไม่จำกัดความรับผิด ต้องรับผิดชอบหนี้สินที่เกิดขึ้นทั้งหมด รวมถึงทรัพย์สินส่วนตัว มีสถานะเป็นได้ทั้งไม่เป็นนิติบุคคลและเป็นนิติบุคคล (ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล) แบ่งสัดส่วนกำไรและขาดทุนตามที่ตกลงไว้ในสัญญา
- กิจการห้างหุ้นส่วนจำกัด เป็นธุรกิจที่มีหุ้นส่วนตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเช่นเดียวกัน โดยมีทั้งหุ้นส่วนไม่จำกัดความรับผิด ที่ต้องรับผิดชอบหนี้แบบไม่จำกัดจำนวนอย่างน้อย 1 คน และหุ้นส่วนจำกัดความรับผิด ที่จะรับผิดชอบหนี้เท่ากับจำนวนเงินที่ลงทุนเท่านั้น โดยห้างหุ้นส่วนจำกัดจะต้องจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลเสมอ และหากไม่ได้ระบุไว้ในสัญญาจะแบ่งกำไรและขาดทุนตามสัดส่วนการลงทุน
ข้อดีของห้างหุ้นส่วน
- จดทะเบียนง่ายและมีค่าใช้จ่ายต่ำ เหมาะกับผู้เริ่มต้นธุรกิจ
- เหมาะกับธุรกิจขนาดเล็กหรือครอบครัว บริหารจัดการง่าย ไม่มีโครงสร้างที่ซับซ้อน
- บริหารงานได้ยืดหยุ่น ไม่ต้องมีการประชุมผู้ถือหุ้นหรือยื่นเอกสารเหมือนกับบริษัทจำกัด
ข้อเสียของห้างหุ้นส่วน
- รับผิดชอบไม่จำกัด หุ้นส่วนบางรายต้องรับผิดชอบหนี้สินทั้งจำนวน หากธุรกิจล้มเหลว
- ความน่าเชื่อถือน้อยกว่าบริษัท อาจมีข้อจำกัดในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน และภาพลักษณ์ในสายตาคู่ค้า
เปรียบเทียบบริษัทกับห้างหุ้นส่วนแตกต่างกันอย่างไร ?
ลักษณะ | บริษัทจำกัด | ห้างหุ้นส่วน |
จำนวนผู้ร่วมก่อตั้ง | ขั้นต่ำ 2 คน | ขั้นต่ำ 2 คน |
ความน่าเชื่อถือ | สูง | ปานกลาง |
ความรับผิดชอบ | จำกัดตามมูลค่าหุ้น | มีทั้งจำกัดตามมูลค่าเงินที่ลงทุน และรับผิดชอบไม่จำกัด |
การบริหารจัดการ | มีระบบ | ยืดหยุ่นกว่า |
เหมาะกับธุรกิจประเภท | ขนาดกลางถึงใหญ่ | ขนาดเล็ก ครอบครัว |
ห้างหุ้นส่วนกับบริษัทเสียภาษีต่างกันอย่างไร ?
นอกจากประเด็นที่กล่าวมาแล้ว ผู้ประกอบการหลายคนอาจจะกังวลเรื่องของโครงสร้างภาษี ซึ่งบริษัทและห้างหุ้นส่วนมีความแตกต่างกัน
- บริษัทจำกัด เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตรา 15-20% หากมีการปันผลให้ผู้ถือหุ้นจะต้องเสียภาษีหัก ณ ที่จ่าย และต้องมีผู้สอบบัญชีได้รับอนุญาตตรวจสอบบัญชีทุกปี
- ห้างหุ้นส่วน หากเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัดเสียภาษีในฐานะนิติบุคคล อัตรา 15-20% แต่หากว่าเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญไม่จดทะเบียน จะเสียภาษีในฐานะบุคคลธรรมดา และต้องรับภาระภาษีซ้อน (แบบหน่วยภาษีแยก) โดยต้องยื่นภาษีในนามองค์กร และต้องรวมเงินได้เข้าคำนวณภาษีส่วนบุคคลอีกครั้ง
เลือกจดทะเบียนแบบไหนดี ขึ้นอยู่กับอะไร ?
ที่จริงแล้ว การเลือกจดทะเบียนเป็นบริษัทจำกัด หรือว่าห้างหุ้นส่วนไม่มีกฎตายตัว แต่โดยส่วนมากจะพิจารณาจากปัจจัยดังต่อไปนี้
- ขนาดและเป้าหมายของธุรกิจ หากวางแผนเติบโต ควรเลือกบริษัทจำกัดเพื่อรองรับการขยายตัว
- งบประมาณและต้นทุนเริ่มต้น หากมีทุนจำกัดอาจเริ่มต้นจากห้างหุ้นส่วนจำกัดได้ เพราะใช้เงินทุนเริ่มต้นน้อยกว่า
- ระดับความเสี่ยง ธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูงควรเลือกโครงสร้างที่จำกัดความรับผิด จะได้ไม่ต้องนำทรัพย์สินส่วนตัวมาใช้หนี้
- ความต้องการด้านภาพลักษณ์และเครดิต บริษัทจำกัดมีความน่าเชื่อถือมากกว่าในการทำธุรกิจกับองค์กรใหญ่
สำหรับผู้ที่กำลังจะจดทะเบียนบริษัท เพื่อประกอบกิจการ แต่ไม่รู้ว่าต้องเริ่มต้นอย่างไร และมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง ไม่ต้องกังวลใจ ขอแนะนำ Greenpro KSP Group ผู้ให้บริการที่ปรึกษาธุรกิจครบวงจร ครอบคลุมทั้งการจดทะเบียนธุรกิจ ทำบัญชี ตรวจสอบบัญชี และวางแผนภาษี ด้วยประสบการณ์กว่า 28 ปี
สนใจรับบริการหรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่
โทร: 094-864-9799
LINE ID: @greenproksp
E-mail: info.th@greenproksp.com
ข้อมูลอ้างอิง
- ห้างหุ้นส่วน คืออะไร? รวมทุกสิ่งที่ต้องรู้ก่อนจดทะเบียนห้างหุ้นส่วน. สืบค้นเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2568 จาก https://krungthai.com/th/financial-partner/learn-financial/2135