

การจดทะเบียนบริษัทกลายเป็นทางเลือกที่นิยมเพื่อสร้างภาพลักษณ์ความเป็นมืออาชีพ ขยายโอกาสในการร่วมธุรกิจกับองค์กรขนาดใหญ่ และเพื่อผลทางภาษีที่ดูเหมือนจะ “เสียภาษีน้อยลง”
แต่สิ่งที่หลายคนมองข้ามไป คือ “หน้าที่ตามกฎหมายหลังจากจดทะเบียนบริษัท” โดยเฉพาะการจัดทำบัญชีและการยื่นภาษีอย่างถูกต้อง
มีผู้ประกอบการจำนวนไม่น้อยที่จดบริษัทไว้ แต่ไม่ได้ดำเนินธุรกิจอย่างจริงจัง หรือไม่มีรายได้เลย แล้วเข้าใจผิดว่า “ไม่ต้องทำบัญชี ไม่ต้องยื่นภาษี” ซึ่งความเข้าใจนี้อาจนำไปสู่บทลงโทษรุนแรง ทั้งการถูก สรรพากรตรวจสอบย้อนหลัง และ ถูกเรียกเก็บภาษีเพิ่มพร้อมเบี้ยปรับ-เงินเพิ่ม
หนึ่งในความเข้าใจผิดที่พบบ่อยจากผู้ประกอบการรายย่อยหรือเจ้าของธุรกิจ คือ “บริษัทไม่มีรายได้ ไม่มีการดำเนินงานเลย ไม่ต้องทำบัญชีหรือยื่นภาษีหรอก”
ความเชื่อนี้อาจทำให้คุณต้องจ่ายแพงในภายหลัง เพราะในความเป็นจริงตามกฎหมายบริษัทจะต้องทำบัญชีและยื่นภาษีทุกปีไม่ว่ามีรายได้หรือไม่ก็ตาม จะต้องยื่นแบบ ภ.ง.ด.50 (แบบแสดงรายการภาษีเงินได้) และ จัดทำงบการเงิน พร้อมยื่นต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD) ภายใน 150 วันนับจากวันสิ้นปีบัญชี หากไม่ดำเนินการ มีโอกาสสูงที่จะถูกตรวจสอบและถูกปรับย้อนหลังถึง 5 ปี
หากบริษัทไม่ได้ยื่นงบการเงินหรือภาษีเป็นเวลาหลายปี จะถูกจัดว่าเป็น “กลุ่มความเสี่ยง” ของกรมสรรพากรทันที และอาจถูกตรวจสอบย้อนหลังได้ทุกเมื่อ
📍 หากบริษัทมีมากกว่า 3 ข้อ ต้องรีบแก้ไขทันที!
หากคุณเพิ่งรู้ว่าบริษัทของตนมีความเสี่ยง ควรรีบดำเนินการโดย:
บางคนอาจคิดว่า “ปล่อยบริษัทร้างไว้เฉย ๆ ก็ไม่มีปัญหา” แต่ความจริงแล้ว บริษัทที่ไม่ทำบัญชี ไม่ยื่นภาษี ไม่ยื่นงบการเงิน ถือเป็นบริษัทผิดกฎหมาย ซึ่งจะนำมาซึ่ง:
สิ่งที่ควรทำหากไม่มีการดำเนินกิจการ คือ:
การจดทะเบียนบริษัทคือการก้าวเข้าสู่ “โลกของธุรกิจมืออาชีพ” ซึ่งมาพร้อมกับภาระหน้าที่ทางบัญชีและภาษีอย่างเป็นทางการ ไม่ว่าจะมีรายได้หรือไม่ก็ตาม
หากคุณไม่อยากถูกตรวจสอบภาษีย้อนหลัง หรือเสียค่าปรับ อย่าละเลยการจัดทำบัญชี และควรยื่นงบการเงินให้ถูกต้องตั้งแต่ครั้งแรก